ทําเอา “สิงห์อมควัน” ถึงกับต้องกุมขมับกับนโยบาย “ขึ้นภาษีบุหรี่” และเมื่อดูข้อมูลจากกรมสรรพสามิต พบว่าราคาบุหรี่พุ่งสูงสุด 20 บาท/ซอง!
อย่ากระนั้นเลย เมื่อบุหรี่แพงขึ้น สิ่งที่ตามมาคือ ทำให้ “รายจ่ายเพิ่มขึ้น” และสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนของบุหรี่คือ ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรกับชีวิต แถมยังนำมาซึ่งโรคภัยมากมาย
หากใคร “ตระหนัก” แล้วอยากจะเลิก ขอสนับสนุนให้ลองดูสักตั้ง!
แต่ถ้ากลัวว่าจะทำไม่ได้ แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดทำแอพพลิเคชั่น “ไทยไร้ควัน” ตัวช่วยสำหรับคนอยากเลิกบุหรี่ โดยจัดเปิดตัวที่อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ
นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวถึงที่มาโครงการว่า ย้อนไป 8 ปีก่อน คนไทยสูบบุหรี่เฉลี่ยร้อยละ 40-50 ปัจจุบันลดลงเหลือเฉลี่ยร้อยละ 20 หรือประมาณ 11-12 ล้านคน และเริ่มมีอัตราคงที่ แต่เราต้องการลดยอดผู้สูบบุหรี่ดังกล่าวลงอีก จึงคิดว่าต้องมีบริการเลิกบุหรี่ที่มากกว่าบริการปัจจุบัน โดยอาศัยว่าปัจจุบันประชาชนใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว พัฒนาเป็นแอพพลิเคชั่น “ไทยไร้ควัน” เพื่อสนับสนุนการให้บริการเลิกบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพ เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มทุกวัย ในการเป็นทางเลือกให้กับประชาชน และเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการเลิกบุหรี่มากขึ้น
“ที่ผ่านมาคนอาจกังวลเรื่องเหล้ามากกว่า เพราะเป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหาอุบัติเหตุและปัญหาอาชญากรรม แต่จริงๆ คนไทยก็ตายจากบุหรี่ไม่น้อย ปีละประมาณ 50,000 คน มากกว่าตายจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ตายประมาณปีละ 22,000 คน แต่สิ่งที่น่าห่วงตอนนี้คือกลุ่มนักสูบบุหรี่ผู้หญิง ที่เดิมมีสัดส่วนร้อยละ 0.2 กำลังมีแนวโน้มสูบมากขึ้น เนื่องจากภาคธุรกิจเห็นว่าตลาดผู้หญิงยังเติบโตได้ จึงออกผลิตภัณฑ์ที่มีรสและกลิ่นมาเอาใจ ไม่เหมือนตลาดนักสูบบุหรี่ผู้ชายที่ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 40 ที่เริ่มถึงทางตันแล้ว” นพ.บัณฑิตกล่าว
ขณะที่ นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา รองผู้จัดการโครงการพัฒนาบุคลากรแกนนำและโครงข่ายบริการเลิกเสพยาสูบระดับชาติ กล่าวว่า จากผลสำรวจเมื่อปี 2557 พบว่าในผู้สูบบุหรี่ไทย 12 ล้านคน มี 6 ล้านคนต้องการเลิกสูบบุหรี่ แต่เนื่องจากการเลิกบุหรี่ด้วยตนเองยังมีอัตราสำเร็จในระดับต่ำ รวมถึงบริการที่มีอยู่ยังมีข้อจำกัด อย่างสายด่วนช่วยเลิกบุหรี่ 1600 สามารถให้บริการได้ 5 หมื่นสายต่อเดือน รวมถึงคลินิกฟ้าใส จำนวน 340 สาขาทั่วประเทศ สามารถให้บริการได้ปีละหมื่นราย และมีอัตราสำเร็จร้อยละ 40
“เราจึงนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสนับสนุนการเลิกบุหรี่ด้วยตนเองและเพิ่มอัตราสำเร็จมากขึ้น โดยได้รับแรงบันดาลใจจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ใช้แอพพ์แจ้งเตือนกระทรวงสาธารณสุขแต่ละประเทศในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคอีโบลา สามารถดาวน์โหลดแอพพ์ไทยไร้ควันได้แล้ววันนี้ ในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และเร็วๆ นี้ในระบบปฏิบัติการไอโอเอส” นพ.สุทัศน์กล่าว
นายวิทยา อัศวเสถียร กรรมการผู้จัดการบริษัท แอพไพ จำกัด ผู้ออกแบบแอพพลิเคชั่นไทยไร้ควัน กล่าวว่า แอพพ์ไทยไร้ควันมีรูปแบบการใช้งาน 6 เรื่องหลักๆ ได้แก่ 1.รวบรวมข้อมูล เทคนิค คำแนะนำการเลิกบุหรี่ที่ถูกต้องและได้ผลสำหรับการเลิกบุหรี่ 2.มีระบบการเตือนความจำ เช่น ช่วงเวลาที่มักเผลอสูบบุหรี่หลังรับประทานอาหาร เข้าห้องน้ำ และเมื่อเข้าสู่พื้นที่ที่เคยสูบบุหรี่จะมีข้อความเตือนขึ้นเพื่อย้ำว่าอยู่ในช่วงเลิกสูบบุหรี่ 3.บันทึกข้อมูลว่ามีการสูบหรือไม่ จะทำให้ทราบว่าปัจจัยไหนที่ทำให้กลับมาสูบบุหรี่อีก 4.ถ่ายรูป วิดีโอ แชร์ข้อมูลไปยังเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่นๆ เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ จะทำให้เกิดการโต้ตอบกับผู้อื่นในประเด็นของเทคนิคที่ทำให้เลิกบุหรี่ได้ รวมทั้งทำให้ได้รับกำลังใจจากผู้อื่น 5.กดโทรไปยังสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 เพื่อขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้ฟรี และค้นหาคลินิกฟ้าใสใกล้บ้านเพื่อติดต่อขอรับบริการเลิกบุหรี่
สำหรับการใช้งานก็ไม่ยาก เริ่มแรกกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น เพศ อายุ ชนิดบุหรี่ จำนวนบุหรี่ต่อวัน สูบมาแล้วระยะเวลาเท่าใด สถานที่สูบเป็นประจำ จากนั้นระบบจะคำนวณอายุที่สั้นลง จำนวนเงินที่สูญเสียไป ก่อนให้เริ่มต้นโปรแกรมเลิกบุหรี่ มีการกำหนดระยะเวลา 3, 7, 15, 30 วัน ซึ่งหากลดละเลิกได้ตามที่ตั้งใจไว้ สามารถแชร์ความสำเร็จนั้นให้เพื่อนๆ ในเฟซบุ๊กได้
ฟังเผินๆ ก็ยังสงสัยว่าเพียงแค่แอพพลิเคชั่นจะช่วยเปลี่ยนชีวิตได้อย่างไร ภายในงานผู้จัดได้นำเคสสิงห์นักสูบมาเปิดประสบการณ์ ซึ่งรายนี้เริ่มต้นสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 20 ปี สูบมา 19 ปี พยายามจะลดละเลิกด้วยตนเองอยู่หลายครั้งก็ไม่สำเร็จ แต่ครั้งนี้มุ่งมั่นตั้งใจ และเลิกได้มาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ที่ทำได้เพราะมีเจ้าแอพพ์ไทยไร้ควันเป็นตัวช่วย
นายเกรียงไกร ศรียงยศ อายุ 39 ปี กล่าวว่า หลังจากสูบบุหรี่เฉลี่ยวันละ 1 ซองมาตลอด 19 ปี พบว่าสุขภาพร่างกายเริ่มแย่ เริ่มเหนื่อยง่าย ความดันโลหิตสูง ยิ่งสูบยิ่งแย่ลง ทางครอบครัวก็บ่น ลูกก็ขอ ขณะที่ผมก็เคยเห็นพ่อล้มฟุบไปต่อหน้าระหว่างกำลังสูบบุหรี่ เพราะเส้นเลือดในสมองตีบ ผมไม่อยากเป็นอย่างนั้น จึงตัดสินใจเลิก แต่สุดท้ายก็กลับไปสูบบุหรี่อีก แต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมาเริ่มจริงจังเพื่อความสุขของครอบครัว จึงไปพบแพทย์ที่คลินิกฟ้าใส ทางนั้นก็พูดคุยปกติ ไม่ได้จริงจังอะไรมาก ต่อมาเขาแนะนำให้รู้จักแอพพ์ไทยไร้ควัน เริ่มใช้ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันเลิกสูบบุหรี่มาได้เดือนกว่าๆ แล้ว และตั้งใจครั้งนี้จะเลิกสูบบุหรี่ไปตลอดชีวิต
“หลักสำคัญที่ผมเลิกบุหรี่ได้คือใจ เราต้องมุ่งมั่นตั้งใจก่อน พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เริ่มจากลดปริมาณ ลดการไปสุงสิงกับเพื่อนที่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการเดินเข้าไปในสถานที่ที่มีการสูบบุหรี่ พยายามดื่มน้ำให้มากๆ ขณะที่แอพพ์ไทยไร้ควันจะเป็นเสมือนผู้ช่วยคอยบอก คอยเตือน และจดบันทึก ซึ่งหลังจากเลิกมาสักระยะ สุขภาพผมเริ่มดีขึ้นตามลำดับ”
นอกจากนี้ เกรียงไกรยังได้เปิดแอพพ์โชว์ตัวเลขจำนวนเงินที่ต้องเสียไปกับการซื้อบุหรี่ซองละประมาณ 60 บาทตลอด 19 ปี เป็นเงินถึง 219,000 บาท!! ส่วนสุขภาพที่เสียไปก็ไม่น้อย โดยแอพพ์ระบุข้อความว่า “อายุขัยของท่านได้สั้นลงไปแล้ว 354 วัน”
เกรียงไกรยิ้มก่อนฝาก ให้คนไทยลองใช้แอพพ์ไทยไร้ควัน ซึ่งดีกับผู้ต้องการเลิกสูบบุหรี่ด้วยตนเอง ไม่ต้องเสียเวลาไปพบแพทย์หรือโทรสายด่วน ส่วนผู้ใกล้ชิดผู้สูบบุหรี่ก็สามารถใช้แอพพ์นี้ได้ เพียงถามข้อมูลผู้สูบแล้วเอาผลประมวลไปบอกให้เขาฟัง น่าจะกระตุ้นให้เลิกได้ไม่น้อย
มาบอกต่อแอพพ์ดีๆ เพื่อคนที่เรารัก
นพ.บัณฑิต ศรไพศาล, นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญาวิทยา อัศวเสถียร, เกรียงไกร ศรียงยศ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น